โลโก้ของ เลือกให้
คำถามถามบ่อย

tag : simต่างประเทศ

หากคลิ๊กที่คำถาม คำตอบจะปรากฎขึ้น

การเดินทางไปต่างบ้านต่างเมือง ไม่เหมือนอยู่บ้านเรา หลายๆสิ่งหลายๆอย่างเราควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอปัญหา แล้วต้องมาหาทางแก้ใขกัน ไปดูกันว่า 10 สิ่งที่ต้องเตรียมตัวมีอะไรกันบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้นักเดินทางทั้งมือใหม่และมือเก่าที่อาจจะหลงลืมเรื่องเหล่านี้  เราไปดูกันเลยดีกว่า 10 สิ่ง มีอะไรกันบ้าง

1. พาสปอร์ต

สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยที่เราต้องมี เวลาจะเดินทางออกนอกประเทศ นั่นก็คือ พาสปอร์ต ซึ่งทุกวันนี้การทำพาสปอร์ตก็ง่ายและสะดวกรวดเร็วมาก ๆ เพราะสามารถลงทะเบียนล่วงหน้า จองคิวทำพาสปอร์ตได้ทางออนไลน์แล้ว 24 ชั่วโมง ทาง www.passport.in.th ส่วนคนที่มีพาสปอร์ตอยู่แล้วแต่สงสัยว่าอายุพาสปอร์ตจำเป็นต้องถึง 6 เดือนไหม ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ขอบอกว่าการเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ ในความเชื่อเดิม ๆ ว่าต้องมีอายุพาสปอร์ต 6 เดือนจึงจะเดินทางได้นั้น จริง ๆ ไม่ใช่เช่นนั้น

เพราะประเทศปลายทางจะเป็นผู้กำหนดว่าต้องการอายุพาสปอร์ตเท่าไหร่ ซึ่งก็แล้วแต่ประเทศ แต่ทางตรวจคนเข้าเมืองและสายการบินไม่มีข้อห้ามตรงนี้เลย เพราะสายการบินบางสายการบินอาจจะให้เซ็นข้อตกลงว่าจะรับผิดชอบค่าโดยสารเองกรณีที่ต้องส่งกลับ ประเทศที่มักจะต้องการอายุพาสปอร์ต 6 เดือนจะเป็นประเทศแถวบ้านเรานี่แหละ ได้แก่ มาเลเซีย พม่า สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ส่วนประเทศชั้นนำเช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น ล้วนแต่ต้องการให้มีอายุพาสปอร์ตก่อนที่จะออกจากประเทศเขาก็พอ ด้านฮ่องกง มาเก๊า ทั้งสองที่ก็ต้องการแค่อายุพาสปอร์ตขาเข้าอย่างน้อย 1 เดือนเท่านั้น สรุปแล้วว่าไม่จำเป็นว่าต้องมีอายุพาสปอร์ต 6 เดือนจึงจะเดินทางได้

 

2. เช็คสภาพอากาศ

เวลาที่เราไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งเราไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ เราจำเป็นต้องศึกษาสภาพอากาศของเมืองและประเทศที่เราจะไปให้ดีก่อน เพื่อเราจะได้เตรียมเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องใช้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ หากเราไปเที่ยวในโซนประเทศที่เราทราบอยู่แล้วว่ามีสภาพอากาศไม่ต่างจากเรามากนัก เราก็ไม่ต้องเตรียมการมากนัก แต่ถ้าเราไปเที่ยวในประเทศโซนอเมริกาหรือยุโรป ที่มีอากาศแตกต่างมากในช่วงฤดูหนาวหรือใบไม้ผลิแตกต่างไปจากบ้านเรามากเราก็ต้องเช็คสภาพอากาศก่อนออกเดินทางสัก 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมการซื้อของใช้ที่จำเป็น

 

3. ภาษาการสื่อสาร

เมื่อถึงเวลาต้องไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตาม อาจจะไปท่องเที่ยวหรือไปเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ การรู้ประโยคภาษาอังกฤษเพื่อเอาตัวรอดนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และประโยคเด็ดที่สามารถช่วยให้คุณเอาตัวรอดเมื่อเวลาต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติเมื่ออยู่ต่างประเทศ เริ่มต้นง่าย ๆ ก็คือถามก่อนว่าเขาสามารถพูดหรือสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษบ้างได้หรือไม่ (Do you speak English?) โดยคุณอาจคาดหวังว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาว่า “Yes, of course!” หรือ “A little bit” หรือ “Not at all!” ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษากลางที่มีคนใช้กันแพร่หลายในหลายประเทศ แต่ในบางประเทศ คนท้องถิ่นบางคนอาจจะไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลยก็ได้ และเมื่อเวลาอยู่ต่างประเทศ คุณอาจจะหลงทางหรือต้องการความช่วยเหลือจากชาวท้องถิ่น คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้โดยการพูดประโยคง่าย ๆ ว่า (Can you help me?)

 

4. เงิน

ปัจจัยสำคัญที่สุดของการเดินทางคือเงิน และการไปเที่ยวต่างประเทศก็จำเป็นต้องแลกเงินไว้ใช้จ่าย ฉะนั้นเราควรดูด้วยว่าประเทศปลายทางที่เราจะไปนั้นคือที่ไหน เงินบาทไม่ใช่ทุกประเทศจะยอมรับ และในหลายประเทศแม้ว่ายอมรับแลก แต่ก็อาจได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ดี เช่น ถ้าไปกลุ่มประเทศละติน หรือยุโรปตะวันออก การเอาเงินบาทไปแลกปลายทางมีความเสี่ยงที่จะหาแลกยาก หรืออัตราแย่มาก ถือเงินสหรัฐ เงินยูโรไปสะดวกกว่า รับแลกทุกที่ ซึ่งกรณีไม่ใช่เรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเดียว ประเด็นคือหาแลกได้ หรือไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าไปในประเทศที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมไป เช่น สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เขารับแลกเงินไทยแน่นอน ดังนั้นก็ควรเตรียมตัวเรื่องเงินไว้ให้ดีด้วยล่ะ

 

5. ข้อมูลการท่องเที่ยว แผนที่ขนส่งมวลชน

ในบางประเทศที่มีระบบขนส่งมวลชนดีเลิศ จะช่วยกำหนดเวลาในการเดินทางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ค่อนข้างดี แต่ด้วยความที่สะดวกมาก ๆ ระบบการซื้อตั๋วที่เราไม่คุ้นเคยหรือเส้นทางที่มีมากมายหลายสายก็อาจทำให้สับสนได้เช่นกัน จึงควรวางแผนเส้นทางล่วงหน้าอย่างละเอียดเพื่อจะได้ไม่หลงทางให้เสียเวลา เสียอารมณ์ และการไปเที่ยวจะสนุกมากขึ้นเมื่อเรารู้ว่าที่นั่นมีอะไรเจ๋ง ๆ ให้ดูบ้างในช่วงที่จะไป เช่น มีงานเทศกาลประจำปี นิทรรศการพิเศษ มีโปรโมชั่นถูกสุด ๆ ช่วงวันหยุด มีแหล่งท่องเที่ยวหรือร้านอาหารน่าสนใจอยู่ใกล้ ๆ ในระยะเดินถึงหรือเปล่า บางสถานที่มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่ติด ๆ กันเป็นโซน เรียกว่าไปที่เดียวได้ทั้งความหลากหลายและคุณภาพ ลองเจียดเวลามาหาข้อมูลสักนิดจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในความพลาดทีหลัง

 

6. อาหารการกิน

หลายคนที่อยากไปเที่ยวต่างประเทศ และพอมีโอกาสได้ไป ก็อยากจะลิ้มลองกับอาหารขึ้นชื่อของเมืองและประเทศนั้นที่ได้เดินทางไปแน่นอน อย่างเช่น ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบ ซาซิมิ เหลือเกินนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นก็จะเตรียมข้อมูลแล้วว่าต้องไปกินที่ร้านไหน ย่านไหนอร่อยที่สุด ส่วนเกาหลีที่ขึ้นชื่อก็คงจะเป็นซันนักจี (ปลาหมึกสด) ที่ต้องลองสักครั้งในชีวิตถ้าได้ไปที่เกาหลีใต้ และแอบกระซิบว่าย่านฮงแดเด็ดที่สุดเลยล่ะกับเมนูนี้

 

7. เสื้อผ้า

การเลือกเสื้อผ้าไปใส่ในต่างประเทศ ก็ต้องดูสภาพอากาศด้วยนะ หากไปช่วงที่อากาศร้อน เสื้อผ้าที่เราใส่เป็นประจำในเมืองไทยก็สามารถนำไปประยุกต์ใส่ได้ แต่ถ้าไปในหน้าฝนล่ะก็เตรียมซื้อร่มได้เลย ส่วนหน้าหนาวก็จะจัดเต็มได้หน่อย ทั้งเสื้อโค้ท ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อไหมพรม สารพัดแฟชั่นที่จะเตรียมไปแต่งกันที่ต่างประเทศ เรียกได้ว่าจัดเต็มแบบไม่ต้องแคร์ใครได้เลยล่ะ ข้อแนะนำก็คือดูด้วยนะว่าเราเดินทางไปกี่วัน จะไปที่ไหนบ้าง ก็ขอให้เตรียมไปให้เหมาะพอดี แต่ใช่ว่าจะจัดเต็มก็ขนไปซะจนเป็นภาระนะ อิอิ

 

8. ที่พัก

แน่นอนว่าการที่เราจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ในกรณีที่ไปเที่ยวโดยที่ไม่ได้ไปเยี่ยมญาติพี่น้อง หรือว่ามีใครที่รู้จักอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เราก็ต้องจองที่พักไว้ และในการจองที่พักในต่างประเทศทุกวันนี้ก็สะดวกมาก ๆ เพราะมีหลากหลายเว็บไซต์ หลากหลายโรงแรมให้เลือกจองเต็มไปหมด ที่พักราคาถูกก็มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถเข้าไปดูได้ที่ www.traveloka.com ส่วนใครที่อยากจะรู้ลึกไปมากกว่าราคาที่พัก ก็สามารถหาดูรูปวิวที่พักต่าง ๆ ก่อนได้ ตามที่คนอื่นไปมาแล้ว แล้วเขามาแนะนำบอกต่อ ที่สำคัญก็ขอให้เลือกดูด้วยนะว่าที่พักปลอดภัยไหม อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า เดินทางสะดวกหรือไม่

 

9. ซิมการ์ดและอินเทอร์เน็ต

เมื่อไปต่างประเทศ สิ่งที่จะขาดไม่ได้อีกอย่างก็คือซิมการ์ดโทรศัพท์ไว้ติดต่อสื่อสาร และอินเทอร์เน็ตเช่น Pocket Wifi ไว้แชร์อินเตอร์ใช้งานในต่างประเทศ หรือจะใช้ Simต่างประเทศ หรือSimไทยแบบสัญญาณ Roaming ก็ได้ เอาไว้อัพรูปชิค ๆ ลงในโซเชียล มาเที่ยวต่างประเทศทั้งที ก็อย่าลืมเก็บภาพบรรยากาศมาเยอะ ๆ และอย่าลืมถ่ายภาพตัวเองคู่กับสถานที่ต่าง ๆ ที่เดินทางไปด้วยนะ

 

10. เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม

เหนือสิ่งอื่นใดสำคัญที่สุดก็คือร่างกายของเราว่าพร้อมแล้วหรือยัง เพราะถ้าหากเราป่วย หรือไม่สบาย ก็จะทำให้การเดินไปเที่ยวต่างประเทศของเรา ไม่สนุกเอาได้ แต่ถ้าร่างกายเราไม่ไหวจริง ๆ การไปเที่ยวต่างประเทศก็คงไม่สำคัญเท่ากับร่างกายแล้ว ฉะนั้นระหว่างที่จะเดินทางไปเที่ยวก็ควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดีด้วยนะทุกคน

 

ขอขอบคุณข้อมูลและบทความจาก : https://www.sanook.com/travel/1410529/

ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตแทบเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องใช้ทักที่ทุกเวลา เพื่อใช้ในการทำงาน เรียน หรือติดต่อสื่อสารต่างๆ ยิ่งคนไปเที่ยวต่างประเทศใช้ในการติดต่อกลับมาบ้าน ใช้อัพรูปลงโซเซียลต่างๆ รวมถึงติดต่อสื่อสารทางธุรกิจต่างๆยิ่งจำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ต ปัจจุปันเวลาใช้งานอินเตอร์เน็ตต่างประเทศมีให้เลือกมากมายทั้งการเช่า Pocket Wifi ไปใช้ในต่างประเทศการซื้อซิมไปใช้ต่างประเทศ  มีให้เลือกมากมายในปัจจุบัน วันนี้เรามีบทความทริปเทคนิคการเลือกใช้อินเตอร์เน็ตต่างๆ เพื่อนำไปใช้งานในต่างประเทศแบบง่ายๆใครก็ทำได้ เราไปดูกันว่ามีอะไรบ้างคับ

1. รู้จักจุดหมายปลายทาง

การรู้จักข้อมูลเบื้องต้นของจุดหมายปลายทางที่คุณจะไปถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะทำให้คุณรู้ว่าจะใช้อินเตอร์เน็ตอย่างไร โดยเริ่มพิจารณาถึงความเจริญก้าวหน้าของประเทศที่คุณต้องเดินทางไป และมองลึกไปถึงพื้นที่ท้องถิ่นปลายทางของคุณ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วมักจะมี Wi-Fi สาธารณะให้ใช้งานตามเมืองใหญ่แล้วในยุคสมัยนี้ พร้อมบริการโรมมิ่งที่เชื่อถือให้คุณเลือกใช้อินเตอร์เน็ตในต่างประเทศได้ตามความต้องการ ซึ่งก็ต่างกับการเดินทางไปประเทศด้อยพัฒนาหรือเข้าไปยังเขตทุรกันดารที่อาจยังมีบริการเหล่านี้ไม่ทั่วถึง

 

2. เลือกใช้อินเตอร์เน็ตที่ต้องการ

เมื่อรู้ถึงข้อมูลปลายทางแล้ว คุณก็พอจะทราบได้แล้วว่าประเทศนั้นๆ เหมาะกับการใช้อินเตอร์เน็ตแบบไหน จากนั้นก็มาวิเคราะห์ลักษณะการใช้ของคุณเอง เพื่อเลือกใช้เน็ตต่างประเทศจากตัวเลือกมากมายดังนี้

บริการโรมมิ่ง (Roaming) การโรมมิ่งเหมาะกับคนที่มีธุรกิจหรือจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ที่ติดต่อสื่อสารได้ตลอดเวลา เพราะคุณสามารถใช้ทั้งการโทรศัพท์เข้า-ออกและใช้อินเตอร์เน็ตในต่างประเทศได้จากเบอร์โทรศัพท์ เช่นการใช้ Sim2Fly ของ AIS และมีบริการให้อย่างครอบคลุมหลายประเทศแล้วในปัจจุบัน แต่ค่าบริการของแต่ละประเทศจะไม่เท่ากันและยังเป็นตัวเลือกใช้เน็ตต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด

ซื้อซิมท้องถิ่นหรือซิมท่องเที่ยว (Local / Travel SIM) การเลือกซื้อซิมต่างประเทศเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจซึ่งประหยัดกว่าการโรมมิ่ง โดยสามารถหาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในไทยเช่นร้าน iWifi ที่มีบริการทั้ง sim ญี่ปุ่น, sim ยุโปร และ sim ต่างประเทศ เป็นต้นหรือซื้อได้จากสนามบินปลายทาง เพียงเปลี่ยนซิมในโทรศัพท์เครื่องเดิมก็สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องพกอุปกรณ์อื่นให้ยุ่งยาก

เช่าอุปกรณ์ Wi-Fi พกพา (Pocket Wi-Fi) ไปต่างประเทศใช้เน็ตยังไง? ก็เช่า Pocket Wi-Fi ใช้ต่างประเทศนี่แหละคือคำตอบที่ดีที่สุดของเหล่านักท่องเที่ยว เพราะนอกจากเป็นการเชื่อมต่อเน็ตในราคาประหยัดกว่าโรมมิ่งแล้ว ยังสามารถแบ่งปันสัญญาณให้เพื่อนร่วมทริปแล้วหารค่าใช้จ่ายกันก็ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่ เพียงติดต่อผู้ให้บริการเครื่อง Wi-Fi พกพาแล้วจ่ายค่าเช่าตามจำนวนวันที่คุณจะใช้ เหมาะกับคนที่ชอบออนไลน์ตลอดเวลา และยังใช้แอพโทรผ่านเน็ตก็ได้ แต่มีข้อเสียเล็กๆ ตรงที่จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับความแรงของสัญญาณ 3G หรือ 4G ในท้องที่นั้นๆ เหมือนโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

 

3. ปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตที่ควรรู้

แน่นอนว่าอินเตอร์เน็ตในแพ็คเกจโรมมิ่ง, ซิมต่างประเทศ หรือในอุปกรณ์ Wi-Fi พกพา นั้นไม่ใช่ของฟรี โดยมีทั้งแพ็คเกจแบบคิดตามปริมาณ หรือใช้งานได้ไม่อั้นแต่จำกัดปริมาณที่ใช้ได้บนความเร็วสูงสุด (หรือที่เรียกว่ากฎ Fair Use Policy) ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ทำให้คุณต้อง “ประหยัด” การใช้งานเอาไว้ เราจึงมีตัวอย่างปริมาณการใช้ข้อมูลอินเตอร์เน็ตมาแนะนำคุณดังนี้

  • การรับส่งข้อความ (แช็ท) ใช้อัตราการรับส่งข้อมูลน้อยที่สุด สามารถใช้งานได้ปริมาณมากและแทบจะไม่มีผลต่อปริมาณอินเตอร์เน็ตคงเหลือเลย เนื่องจากตัวอักษรมีขนาดน้อยมากในระดับไม่กี่ไบท์เท่านั้น (1 ล้านไบท์ เท่ากับ 1 MB)
  • การรับส่งอีเมล ใช้อัตราการรับส่งข้อมูลน้อย โดยอีเมล 1 ฉบับอาจใช้การรับส่งเพียง 0.5 – 5 MB เท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าในอีเมลมีเนื้อหาอะไรอยู่บ้าง และคุณได้เปิดหรือปิดการรับอีเมลในช่วงใช้เน็ตต่างประเทศหรือเปล่า
  • การรับส่งรูปภาพ ใช้อัตราการรับส่งข้อมูลปานกลาง ขึ้นอยู่กับขนาดรูปจากกล้องที่ใช้ถ่าย ซึ่งอาจจะมีขนาดเล็กๆ เพียง 0.2 MB หรืออาจใหญ่ได้ถึง 10 MB แต่แอพพลิเคชั่นอย่าง LINE หรือ Facebook จะมีการย่อขนาดรูปให้ก่อนส่งด้วย
  • การรับส่งเพลง-คลิปเสียง ใช้อัตราการรับส่งข้อมูลปานกลาง ขึ้นอยู่กับประเภทของไฟล์และระยะเวลาของไฟล์ โดยประมาณ 1 – 5 MB แต่โดยปกติการไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องรับส่งเพลงหรือคลิปเสียงอยู่แล้ว
  • การรับส่งวิดีโอ ใช้อัตราการรับส่งข้อมูลมากที่สุด ขึ้นอยู่กับความละเอียดและระยะเวลาของวิดีโอที่อาจใช้อินเตอร์เน็ตได้นับ 100 MB ภายในวิดีโอเดียว ซึ่งสามารถทำให้ปริมาณอินเตอร์เน็ตคงเหลือหมดลงได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน

 

4. วิธีการประหยัดการใช้อินเตอร์เน็ต

วิธีการที่จะประหยัดปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตในต่างแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพให้ลองปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ปิดการอัพเดทแอพพลิเคชั่นและระบบภายในของสมาร์ทโฟนทั้งหมด
  • ไม่เปิดใช้แอพพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอพเหล่านั้นต้องใช้อินเตอร์เน็ตเพื่ออัพเดทข้อมูลล่าสุดให้คุณ
  • หลีกเลี่ยงการเปิดคลิปวิดีโอ หรือฟังเพลงออนไลน์ขณะใช้อินเตอร์เน็ตในต่างประเทศ
  • กรณีไม่ได้สมัครโรมมิ่งหรือใช้ไม่ได้ซิมท้องถิ่น ให้เปิด “Flight Mode” เพื่อป้องกันการรั่วไหลของสัญญาณมือถือที่อาจจะโรมมิ่งเองโดยไม่ตั้งใจ* ซึ่งอาจทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากได้ในภายหลัง

*กรณีที่คุณจำเป็นต้องใช้โรมมิ่งเพื่อโทรศัพท์แต่ไม่ต้องการใช้เน็ต สามารถปิด “Mobile Data” เพื่อไม่ให้สัญญาณเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ และใช้ Wi-Fi ตามจุดกระจาย Wi-Fi ฟรีหรือจากเครื่อง Wi-Fi พกพาแทน

 

5. ใช้แอพพลิเคชั่นช่วยหา Wi-Fi ฟรี

หากคุณเลือกที่จะหา Wi-Fi ฟรีล่ะก็ เรามีแอพหาไวไฟฟรีดีๆ มาเป็นตัวช่วยในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตให้คุณ โดยแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้ทำการปักหมุดตำแหน่งที่มี Wi-Fi ให้บริการคุณในละแวกใกล้เคียงเอาไว้และให้คุณเลือกหาใช้บริการได้จากแผนที่ และความแม่นยำจะขึ้นอยู่กับการรายงานจากผู้ใช้แอพ ซึ่งแอพพลิเคชั่นประเภทนี้ก็มีหลายแอพให้เลือก และเราขอแนะนำแอพพลิเคชั่น WiFi Finder และ WifiMapper ที่มีผู้ใช้อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมากกว่า 1 แอพเพื่อนำมาเปรียบเทียบข้อมูลกันได้เช่นกัน

เป็นไงบ้างคับ กับบทความที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ หลายๆคนไปเที่ยวต่างประเทศก็จะได้หายกังวลซักทีว่าจะใช้เน็ตยังไง ไปต่างประเทศจะใช้เน็ตยังไง? หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยนชน์สำหรับทุกคนนะคับ

 

ขอขอบคุณบทความจาก : https://www.skyscanner.co.th/news/tips/internet-in-your-overseas-trip/


CATEGORY


SEARCH FAQ